อุทยานแห่งชาติภูจองนายอยมีพื้นที่ประมาณ 686 ตารางกิโลเมตร ในเขตอำเภอบุณฑริก อำเภอนาจะหลวย และอำเภอน้ำยืน มีอาณาเขตติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชาหรือที่เรียกว่า สามเหลี่ยมมรกต พื้นที่เป็นภูเขาในเทือกเขาพนมดงรัก สภาพป่ามีความอุดมสมบูรณ์ ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2530 ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่บ้านแก้งเรือง อำเภอนาจะหลวย ห่างจากตัวเมืองอุบลฯ ประมาณ 150 กิโลเมตร สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ ได้แก่
น้ำตกห้วยหลวง (น้ำตกบักเตว) ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 3 กิโลเมตร รถยนต์เข้าถึงได้ เป็นน้ำตกสูงประมาณ 30 เมตร แบ่งเป็น 3 ชั้น ตกลงสู่หุบเขาที่มีลักษณะเป็นอ่างน้ำขนาดเล็ก มีหาดทรายขาวและน้ำเป็นสีมรกตงดงามมาก นักท่องเที่ยวสามารถลงไปชมวิวบริเวณด้านล่างได้ ช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวคือ เดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ นอกจากนี้ยังมีทางเดินเท้าจากน้ำตกห้วยหลวง ไปยังน้ำตกจุ๋มจิ๋ม หรือน้ำตกประโอนละออ ซึ่งเกิดจากสายน้ำที่ไหลลดระดับจากน้ำตกห้วยหลวง
สวนหินพลานยาว เป็นกลุ่มหินรูปร่างแปลกตา ตั้งกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปเป็นบริเวณกว้าง
จุดชมทิวทัศน์ผาผึ้ง อยู่ถัดจากสวนหินพลานยาว สามารถชมทิวทัศน์ที่สวยงามตามแนวชายแดนราชอาณาจักรกัมพูชาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยที่ชะง่อนผามีถ้ำขนาดเล็ก หินสวยงาม และรังผึ้งขนาดใหญ่ให้ชม
น้ำตกเกิ้งแม่พอง อยู่ห่างจากน้ำตกห้วยหลวงไปทางใต้ประมาณ 9 กิโลเมตร ตามทางเดินป่า เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำโดมน้อย
แก่งศิลาทิพย์ เป็นแก่งขนาดใหญ่ ห่างจากที่ทำการประมาณ 3 กิโลเมตร เกิดจากลำธารห้วยหลวงไหล
ผ่านลานหินทราย ผ่านแก่งหินหักลงเป็นขั้นจนเกิดเป็นน้ำตกขนาดเล็ก บริเวณลานหินกลางลำธารเกิดปรากฏการณ์
“กุมภลักษณ์” คือ หินเกิดเป็นช่องหลุมรูกลมขนาดเล็กใหญ่ ตื้นลึกแตกต่างกันไป ตามความแรงของสายน้ำ ดูสวยงามแปลกตา
พลาญกงเกวียน ลานหินกว้างที่ด้านหน้ามีกลุ่มหินลักษณะเป็นเพิงตามธรรมชาติ มีดอกไม้ป่าและพันธุ์ไม้ขึ้นสลับกันเป็นหย่อม ๆ และนักเดินทางในอดีตได้ใช้ประโยชน์จากเพิงหินเหล่านี้ในการกำบังแดดและฝนในระหว่างการเดินทาง จึงเป็นที่มาของชื่อ “พลาญกงเกวียน” พลาญ หมายถึง บริเวณที่เป็นลานกว้าง กงเกวียน เพี้ยนมาจาก พวงเกวียนที่หมายถึง ประทุนเกวียนหรือกระทุนเกวียนที่เป็นสิ่งกำบังแดดบนเล่มเกวียนหรือกระทุนเกวียนที่เป็นสิ่งกำบังแดดบนเล่มเกวียนที่ใช้เป็นพาหนะการเดินทางในสมัยโบราณ
ภูหินด่าง เป็นจุดชมวิวบนหน้าผาสูงมองเห็นทัศนียภาพป่าในเขตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชาซึ่งอยู่เบื้องล่าง ตามลานหินมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่แปลกจากแหล่งอื่น ๆ คือบนผนังหน้าผาที่เว้าเข้ามานั้นมีปื้นสีชมพูบ้าง แดงบ้างคล้ายใครเอาสีไปป้ายทาไว้ เป็นภาพจิตรกรรมโดยธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งนักธรณีวิทยาอธิบายว่าเป็นหลักฐานบ่งบอกถึงสภาพอากาศที่แห้งแล้วเมื่อประมาณหลายร้อยล้านปี จึงส่งผลให้มีการตกตะกอนของแร่ธาตุบางอย่างในน้ำทะเลก่อให้เกิดลักษณะทางธรณีวิทยาเช่นนี้ นอกจากนี้ยังมีทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาว การเดินทาง ตามทางหลวงหมายเลข 2248 จากอำเภอนาจะหลวยประมาณ 15 กิโลเมตร ถึงบ้านห้วยข่า เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2254 ผ่านบ้านหนองเม็กไปจนถึงแซลำดวนซึ่งเป็นจุดจอดรถยนต์ แล้วเดินเท้าไปอีก 2 กิโลเมตร
การเดินทาง ไปยังอุทยานฯ มี 2 เส้นทาง คือ
1.ใช้เส้นทางสายอุบลราชธานี-เดชอุดม-น้ำยืน-นาจะหลวย 140 กิโลเมตร ก่อนถึงนาจะหลวย 10 กิโลเมตร มีทางแยกขวาอีก 8 กิโลเมตร
2.ใช้เส้นทางอุบลราชธานี-เดชอุดม-บุณฑริก-นาจะหลวย เลยนาจะหลวยไป 10 กิโลเมตร มีทางแยกซ้าย 8 กิโลเมตร
อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย มีบริการบ้านพักและจุดกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว แต่นักท่องเที่ยวต้องนำเต็นท์ไปเอง
รายละเอียดสอบถามที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760 www.dnp.go.th หรืออุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย โทร. 0 4541 1515-6
วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557
อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย
วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557
รับตรง มข. 2558(โควต้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
ชีวิต ม.6 มีแค่สอบ #สู้โว๊ยยยย
ONET สอบ 14-15 กุมภาพันธ์ 2558
GAT/PAT 1/2558 สอบ 7-10 มีนาคม 2558
GAT/PAT 2/2558 สอบ 9-12 พฤษภาคม 2558
http://www.dek-d.com/admission/direct/
วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557
วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ประวัติส่วนตัว
ชื่อนางสาวพัชธิดา สลางสิงห์ ชื่อเล่น แคท
เกิดวัน ศุกร์ ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2540 อายุ 17 ปี กรุ๊ปเลือดโอ เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ
เบอร์โทร : 08808354xx
E-mail : Catty_Phatchatida@hotmail.com
ที่อยู่ : 2/2 หมู่ 8 ตำบลบุ่ง อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ 37000
ปัจจุบัน : กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/8 เลขที่ 24 โรงเรียนอำนาจเจริญ
สีที่ชอบ : สีชมพู สีแดง
วิชาที่ชอบ : ฟิสิกส์
อาชีพที่ใฝ่ฝัน : เภสัช พยาบาล วิศวกรรม
เมื่อฉันนั้นผมยาว ^^
วันนี้ก็ไม่มีไรมาก พึ่งซื้อแฮร์พีชมาใหม่ เลยเอามาลองใส่ดูว่าเป็นยังไง สวยไหม 5555 อย่าพึ่งตกใจนะ อิอิ
วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ตะโก้ ><
สูตรขนมหวานไทย : ขนมตะโก้
เครื่องปรุง + ส่วนผสม
สำหรับทำตัวตะโก้
* แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วยตวง
* น้ำกลิ่นมะลิ 3 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
* น้ำใบเตยคั้น 1/2 ถ้วยตวง
* แห้วต้มหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วยตวง
* กระทงหรือแบบสำหรับใส่ขนม
สำหรับทำหน้าตะโก้
* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
* กะทิ 2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำทีละขั้นตอน
1. เตรียมทำตัวตะโก้ โดยผสมแป้งถั่วเขียว, น้ำตาลทราย, น้ำใบเตยและ น้ำกลิ่นมะลิ เข้าด้วยกันในหม้อ และนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนสุกและข้น
2. จากนั้นใส่แห้วจีนต้มที่หั่นเตรียมไว้ลงไปในหม้อ กวนต่ออีกสักครู่จึงปิดไฟ ตักตัวตะโก้หยอดในกระทงหรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งนึงของแบบ
3. เตรียมทำหน้าตะโก้ โดยผสมแป้งข้าวเจ้า, กะทิ และเกลือป่น เข้าด้วยกันในหม้อขนาดเล็ก จากนั้นนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนข้นพอดี จึงปิดไฟ
4. หยอดหน้าตะโก้ลงบนกระทงหรือแบบให้เต็ม ทิ้งไว้ให้เย็น จัดใส่จานเสริฟเป็นของว่างได้ทันที
วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557
วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557
แหนมหมู (วิชาการงาน)
แหนมหมู ><
เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* หมูเนื้อแดง(ส่วนสะโพกไม่ติดมัน) 900 กรัม
* ข้าวเหนียวสุก 1/2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
* กระเทียมโขลก 2 ช้อนโต๊ะ
* หนังหมู 1 ถ้วยตวง (ต้มให้สุกและหั่นเป็นเส้นตามยาว)
* พริกขี้หนูสด 10-15 เม็ด
* ดินประสิว 1/2 ช้อนชา
* ถุงพลาสติก,หนังยาง สำหรับห่อแหนม
วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ล้างทำความสะอาดหมูแล้วซับน้ำให้แห้ง (เนื่องจากเนื้อหมูจะดูดซึมน้ำได้ดีทำให้มี ความชื้นสูงและอาจเน่าเสียง่ายระหว่างการหมัก จึงต้องซับน้ำให้แห้งสนิทก่อน) แล้วจึง นำไปบดให้ละเอียด
2. นำเนื้อหมูที่บดแล้วผสมกับเกลือ, ข้าวเหนียวสุก, ดินประสิว, น้ำตาลทราย และ กระเทียม นวดจนเหนียวหรือเป็นก้อนไม่ติดมือ เติมหนังหมูที่หั่นเตรียมไว้และนวดต่อให้เข้ากัน ถ้าต้องการแหนมรสจัดเติมพริกขี้หนูลงไปนวดด้วย
3. เมื่อนวดได้ที่แล้วนำไปปั้นเป็นก้อน ห่อด้วยพลาสติก มัดให้แน่นด้วยยางหรือเชือก (บางกรณีอาจห่อด้วยใบตองสดและมัดด้วยตอก) แขวนทิ้งไว้ 2-4 วัน ก็รับประทานได้
4. นำแหนมที่ได้ไปทอดหรือย่างตามชอบ เสริฟเป็นกับแกล้มพร้อมผักสด (กะหล่ำปลี, ต้นหอม, ขิง และผักชี) หรือนำแหนมไปประกอบอาหารอื่นก็ได้ (ข้าวผัดแหนม, ยำแหนม, อื่นๆ)
วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557
วันแม่แห่งชาติ
คำว่า “แม่” พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของคำว่า "แม่" ไว้ดังนี้
แม่ หมายถึง หญิงในฐานะที่เป็นผู้ให้กำเนิดแก่ลูก, คำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน
ในทางพระพุทธศาสนา ได้ให้ความหมายของคำว่า "แม่" ซึ่งหมายถึง หญิงที่มีครอบครัวไว้หลายนัย เช่น
1. แม่ บางทีเรียกว่า มารดา มารดร หมายถึง เป็นใหญ่ เช่น แม่ทัพ แม่น้ำ แม่กอง เป็นต้น อันแสดงถึงความยิ่งใหญ่ภายในกิจการนั้นๆ ในที่นี้มาใช้กับผู้ให้กำเนิดแก่ลูกและหาตัวแทนไม่ได้
- หญิงในฐานะผู้ให้กำเนิดแก่ลูก และหาตัวแทนไม่ได้
- คำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน
- คนที่เป็นหัวหน้า หรือเป็นนาย โดยไม่จำกัดว่าเป็นชายหรือหญิง เช่น แม่ทัพ แม่กอง ฯลฯ
รวมความแล้ว "แม่" คือ ผู้รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน โดยการรับผิดชอบนั้นมีขอบเขตภายในบ้านเรือน
2. ชนนี หมายถึง ผู้ให้กำเนิดลูก, เป็นที่บังเกิดเกล้าของลูก
3. ภรรยา หรือภริยา หมายถึง
- เมีย หรือ หญิงผู้เป็นคู่ครองของชาย
- ผู้เลี้ยง หรือผู้ดูแลสมาชิกของครอบครัว
นักภาษาศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คำว่า "แม่" ของทุก ๆ ภาษา มาจากการออกเสียงของเด็ก โดยคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะริมฝีปากคู่ ได้แก่ ม , พ , ป ,บ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพยัญชนะชุดแรกที่เด็กสามารถทำเสียงได้ โดยการใช้ริมฝีปากบนและล่าง ดังเช่น
ภาษาไทย แม่
ภาษาจีน ม๊ะ หรือ ม่า
ภาษาฝรั่งเศส la mere (ลา แมร์)
ภาษาอังกฤษ mom , mam
ภาษาโซ่ เม๋เปะ
ภาษาไทใต้คง เม เป็นต้น
วันแม่แห่งชาติ รักใดเล่ารักแน่เท่าแม่รัก
ชาวอเมริกันเป็นผู้กำหนดให้มีวันแม่อย่างเป็นทางการขึ้น และผู้ที่พยายามเรียกร้องให้มีวันแม่ในอเมริกา คือ แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟีย แต่กว่าเธอจะประสบความสำเร็จก็ครบ 2 ปีพอดีในปี พ.ศ.2457 โดยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่2ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติและดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น2แบบคือถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับตกแต่งบ้านหรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพูแต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้วให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว
ความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติในประเทศไทย
วันแม่แห่งชาติ งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ สวนอัมพรโดยกระทรวงสาธารณสุขแต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไปเมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีงานวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรและมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมาเนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไปส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน
ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอนโดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ วันที่12สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติและกำหนดให้ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่คือดอกมะลินับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทำไมจึงใช้ดอกมะลิเป็นดอกไม้ประจำวันแม่
การที่ใช้ดอกมะลิ เป็นสัญลักษณ์วันแม่ ก็เพราะดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมที่หอมไปไกลและหอมได้นาน ผลิดอกได้ทั้งปี อีกทั้งยังนำไปปรุงเป็นเครื่องยาหอมใช้บำรุงหัวใจได้ด้วยซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ลึกซึ้งที่แม่มีต่อลูกเป็นความรักที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาที่ไม่มีที่สิ้นสุดและไม่มีพิษมีภัยมีแต่ความชุ่มชื่นใจดั่งความหอมของดอกมะลิ